การเงินที่เราคุ้นเคยกำลังเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว และไม่ใช่เพราะธนาคารใหญ่ๆ เท่านั้น แต่เป็นเพราะ FinTech (Financial Technology) หรือเทคโนโลยีทางการเงินที่กำลังเข้ามาเขย่าวงการ ด้วยนวัตกรรมที่ล้ำสมัยและตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคยุคใหม่ FinTech ไม่ได้เป็นเพียงกระแสชั่วคราว แต่กำลังจะกลายเป็นแกนหลักของระบบการเงินในอีก 5 ปีข้างหน้าอย่างแน่นอน
1. การเงินแบบเปิดและการเงินแบบฝังตัว
ในอีก 5 ปีข้างหน้า เราจะได้เห็นระบบการเงินที่เปิดกว้างและเชื่อมโยงถึงกันมากขึ้น Open Banking คือแนวคิดที่ธนาคารจะเปิดเผยข้อมูลลูกค้า (ด้วยความยินยอมจากลูกค้า) ให้กับผู้ให้บริการ FinTech อื่นๆ ทำให้เกิดบริการใหม่ๆ ที่เราไม่เคยเห็นมาก่อน เช่น แอปพลิเคชันที่สามารถรวบรวมบัญชีธนาคารทั้งหมดของคุณไว้ในที่เดียว เพื่อให้ง่ายต่อการบริหารจัดการเงิน
ในขณะเดียวกัน Embedded Finance จะทำให้บริการทางการเงินเข้าไปอยู่ในชีวิตประจำวันของเราโดยที่เราแทบไม่รู้ตัว ยกตัวอย่างเช่น เมื่อคุณซื้อของออนไลน์ คุณสามารถขอสินเชื่อระยะสั้นได้ทันที ณ จุดชำระเงิน หรือเมื่อคุณใช้แอปพลิเคชันเรียกรถ คุณสามารถจ่ายค่าโดยสารและค่าธรรมเนียมอื่นๆ ได้โดยตรงผ่านแอปพลิเคชันนั้นๆ ซึ่งทั้งหมดนี้จะทำให้เส้นแบ่งระหว่างการเงินกับชีวิตประจำวันเลือนหายไป
2. AI และ Machine Learning ความฉลาดที่ขับเคลื่อนการเงิน
ปัญญาประดิษฐ์ (AI) และการเรียนรู้ของเครื่อง (Machine Learning) จะเข้ามามีบทบาทอย่างมากในการตัดสินใจทางการเงินในอนาคต ไม่ว่าจะเป็น
- การให้สินเชื่อแบบใหม่ แทนที่จะดูแค่ประวัติเครดิตบูโรเพียงอย่างเดียว AI จะวิเคราะห์ข้อมูลที่ซับซ้อนและหลากหลายมากขึ้น เช่น พฤติกรรมการใช้จ่ายบนโซเชียลมีเดีย หรือประวัติการชำระบิลค่าน้ำค่าไฟ เพื่อประเมินความเสี่ยงและให้สินเชื่อที่เหมาะสมกับแต่ละบุคคลมากขึ้น
- การบริหารการลงทุนส่วนบุคคล Robo-Advisor หรือหุ่นยนต์ที่ปรึกษาการลงทุนจะกลายเป็นเรื่องปกติ พวกมันจะใช้ AI ในการวิเคราะห์ตลาดและพฤติกรรมของนักลงทุน เพื่อสร้างพอร์ตการลงทุนที่ปรับเปลี่ยนได้ตามความต้องการและความเสี่ยงของแต่ละคน ทำให้การลงทุนไม่ได้จำกัดอยู่แค่คนรวยอีกต่อไป
- การป้องกันการทุจริต AI สามารถตรวจจับพฤติกรรมการทุจริตที่ผิดปกติได้แบบเรียลไทม์ ทำให้สามารถบล็อกการทำธุรกรรมต้องสงสัยได้ทันท่วงที ก่อนที่ความเสียหายจะเกิดขึ้น
3. Blockchain และสินทรัพย์ดิจิทัล การเงินที่ไร้ตัวกลาง
Blockchain หรือเทคโนโลยีบัญชีแยกประเภทแบบกระจายอำนาจ จะไม่ได้จำกัดอยู่แค่ในโลกของสกุลเงินดิจิทัล (Cryptocurrency) อย่าง Bitcoin อีกต่อไป แต่จะเข้ามามีบทบาทในหลากหลายมิติ:
- การทำธุรกรรมข้ามประเทศ การโอนเงินระหว่างประเทศจะรวดเร็วขึ้นและมีค่าธรรมเนียมที่ต่ำลงอย่างมาก เนื่องจากไม่ต้องผ่านตัวกลางอย่างธนาคารอีกต่อไป ทำให้การค้าขายระหว่างประเทศง่ายขึ้นสำหรับทุกคน
- สัญญาอัจฉริยะ (Smart Contracts) สัญญาที่เขียนขึ้นบน Blockchain จะสามารถทำงานได้ด้วยตัวเองโดยอัตโนมัติเมื่อเงื่อนไขต่างๆ เป็นไปตามที่กำหนดไว้ ช่วยลดต้นทุนและเวลาในการทำสัญญาที่ยุ่งยากซับซ้อน เช่น สัญญาประกันภัย หรือสัญญาซื้อขายอสังหาริมทรัพย์
- สินทรัพย์ดิจิทัลอื่นๆ นอกจาก Cryptocurrency แล้ว เราจะได้เห็นสินทรัพย์ประเภทอื่นๆ เช่น ที่ดิน งานศิลปะ หรือแม้แต่หุ้นของบริษัทที่อยู่ในรูปแบบของโทเคน (Token) บน Blockchain ทำให้การเป็นเจ้าของสินทรัพย์เหล่านี้ทำได้ง่ายและเข้าถึงได้มากขึ้น
4. การชำระเงินแบบไร้สัมผัสและการใช้ชีวิตแบบไร้เงินสด
การระบาดของ COVID-19 เป็นตัวเร่งสำคัญที่ทำให้ผู้คนหันมาใช้การชำระเงินแบบไร้สัมผัสมากขึ้น และเทรนด์นี้จะยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่องในอีก 5 ปีข้างหน้า เราจะเห็นการใช้ QR Code, NFC, และการชำระเงินผ่านอุปกรณ์สวมใส่ (Wearable Devices) อย่างนาฬิกาอัจฉริยะกลายเป็นเรื่องปกติ การใช้เงินสดจะลดน้อยลงอย่างมากในหลายประเทศ และจะนำไปสู่การเป็นสังคมไร้เงินสด (Cashless Society) อย่างแท้จริง
5. ความท้าทายที่ต้องเผชิญ
แน่นอนว่าการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ไม่ได้มาโดยปราศจากความท้าทาย สิ่งสำคัญที่ต้องคำนึงถึงคือ
- กฎระเบียบและข้อบังคับ รัฐบาลและหน่วยงานกำกับดูแลต้องปรับปรุงกฎหมายให้ทันกับนวัตกรรมที่เกิดขึ้น เพื่อไม่ให้การพัฒนาของ FinTech ต้องสะดุด
- ความปลอดภัยทางไซเบอร์ เมื่อทุกอย่างเชื่อมต่อกันมากขึ้น ความเสี่ยงด้านความปลอดภัยก็สูงขึ้นตามไปด้วย การปกป้องข้อมูลส่วนบุคคลและทรัพย์สินของผู้บริโภคจึงเป็นเรื่องสำคัญสูงสุด
- ช่องว่างทางดิจิทัล การเข้าถึงเทคโนโลยีที่แตกต่างกันอาจทำให้เกิดช่องว่างระหว่างผู้ที่เข้าถึงได้กับผู้ที่เข้าไม่ถึง รัฐบาลและภาคเอกชนจึงมีบทบาทสำคัญในการให้ความรู้และสร้างความเข้าใจเกี่ยวกับเทคโนโลยีทางการเงินใหม่ๆ
FinTech ไม่ได้เป็นเพียงเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่เข้ามาเสริมระบบการเงินเดิม แต่กำลังจะเข้ามาเปลี่ยนโครงสร้างพื้นฐานทั้งหมด ด้วยพลังของ AI, Blockchain, และแพลตฟอร์มแบบเปิด ผู้บริโภคจะได้รับบริการที่รวดเร็วขึ้น สะดวกขึ้น และเป็นส่วนตัวมากขึ้น ส่วนสถาบันการเงินจะต้องปรับตัวครั้งใหญ่เพื่ออยู่รอดในโลกที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วนี้ การเปลี่ยนแปลงกำลังจะเกิดขึ้น และโลกการเงินของเราจะไม่มีทางเหมือนเดิมอีกต่อไป
